ผ่านพ้นจากโปรเจ็ค Shop house โปรเจ็คที่เหมือนสนุก(แต่ไม่สนุกอย่างที่คิด) มาถึง Final Project ศิลป์พำนัก รักษ์เกาะเกร็ด ให้ระยะเวลาในการทำงานนานมาก
มีให้ไปทัศนศึกษาถึงสองที่ด้วยกันได้แก่ V64 เพื่อไปเก็บความรู้ในเรื่องของประติมากรรมต่างๆหลากหลายประเภท รวมถึงพฤติกรรม และกิจกรรมของจิตกรผู้สร้างประติมากรรมที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสำหรับการสร้างสรรค์ผลงาน การเก็บข้อมูลได้มาพอสังเขปดังนี้
โครงสร้างตัวบ้าน
- สูง <<<เพื่อที่จะได้รับแสงเข้ามา (แสงจำลอง-->ติดตั้งแสง ex. ส่องของใต้)
- กว้าง <<<พื้นที่ว่าง
- ทึบบ้าง/โปร่งบ้าง >> เพื่อแขวนภาพวางผลงาน/เพื่อรับวิว
- โครงสร้างแข็งแรง <<<รับน้ำหนักของประติมากรรมได้จริง
พื้นฐานความเป็นอยู่และทำงาน
- อากาศ ให้เหมาะสม ลมไม่แรงเกินไป แดดไม่แรงเกินไป ไม่มีฝุ่น ถ่ายเทดี (เพื่อการสร้างงานเพราะติดเครื่องปรับอากาศไม่ได้ จะจำกัดกับงานบางประเภท)
- ซักล้าง สำคัญใช้ในการแก้งาน ล้างอุปกรณ์ ต้องมีพื้นที่
- พื้นที่ทำงาน ทำสกปรกได้ไม่ต้องทำความสะอาด หรือทำเลอะแล้วไม่เสียหาย
เมื่อวิเคราะห์ในส่วนของ user ของศิลปินที่มีความหลากหลายและมีกิจกรรมที่ต้องใช้พื้นที่และลักษณะเฉพาะพิเศษเสร็จสิ้น ก็มาวิเคราะห์ในส่วนของผู้อยู่อาศัยที่เป็นครอบครัวของท้องถิ่นให้ศิลปินมาพักผ่อน
การทัศนศึกษาครั้งต่อไปคือสถานที่ที่ได้รับเป็นโจทย์อยู่ใน เกาะเกร็ด ได้เข้าไปศึกษาสถานที่โดยการสัมภาษณ์คนที่อาศัยอยู่ ศึกษาเส้นทางของเกาะเกร็ด และดูบริบทวงกว้างจากการล่องเรือ ได้รับโจทย์เป็น site 2 ติดกับแม่น้ำใหญ่
หลังจากนั้นก็เริ่มส่งบทวิเคราะห์ของuserและsite เพื่อพัฒนาเป็นแบบบ้านต่อไป
แมสโมเดลตอน sub jury
หลังจากที่ตรวจ sub jury โดนแก้ไขในเรื่องทางเดิน และห้องน้ำ(มีปัญหาตั้งแต่วางแปลนครั้งแรกและอนาคตก็ยังมีต่อไปอีกเรื่อยๆ เครียด) แต่โดยรวมไม่โดนแก้ในรื่องฟอร์มหรือรูปแบบการวางห้องของบ้าน เพราะทำแมสไม่เหมือนแปลน ต่อกลับกลายเป็นทางเดินที่ใส่แค่ทางเดียวของแมสทำให้ทิศทางการเข้าถึงดูชัดเจนและไม่สับสน
ตรวจแบบต่อได้ไม่นาน ก็เริ่มทำผลงานที่จะจูรี่จริง!
รวบรวมผลงาน jury
แบบจำลอง
งานนี้ออกมาตั้งใจให้คอนเซ็ปคือ ที่ว่างภายในไหลออกสู่ภายนอก และภายนอกไหลเข้าสู่ภายในคือให้บริบทของสภาพแวดล้อมธรรมชาติสามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่อยู่อาศัยของภายใน บ้านแยกออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนของผู้อาศัย และส่วนของศิลปิน เชื่อมต่อด้วยทางเดินที่ล้อมรอบไปด้วยสวนและต้นไม้ แต่ละส่วนของบ้านสามารถรับวิวได้มากเกือบทุกห้อง หรือรับวิวชัดเจนในห้องที่ใช้สอยบ่อยๆ
เนื่องจากวิเคราะห์พื้นที่และบริบทรอบๆแล้ว พอว่าวิวที่สวยงามและดูโปร่งสบายตามากที่สุดอยู่ทางด้านหลังของตัวบ้าน ซึ่งเป็นทุ่งนาโล่งสบาย จึงทำบ้านให้รับกับวิวด้านหลังให้ได้มากที่สุด อีกทั้งปิดในด้านที่ไม่สวยงามเท่าไหร่ งานนี้ตั้งใจวิเคราะห์ไซต์มากจริงๆ แต่กลับทำ site analysis ไม่ทัน (น้ำตาจะไหล)
นำเสนอแล้ว ก็พบว่ามีปัญหาเรื่องเดิมๆอีกเช่นกันคือ ห้องน้ำ มีปัญหาในเรื่องของที่ตั้งของห้องน้ำไม่เหมาะสม เพราะแขกต้องเข้าไปใช้ในพื้นที่ที่ลึกเกือบจะส่วนตัวของบ้าน ยกตัวอย่างเช่น อย่างนิสิตแบบพวกเราไปทัศนศึกษาต่อแถวใช้เป็นสิบคนก็คงไม่เหมาะสม
ในเรื่องของพื้นที่ของศิลปิน อาจไม่เพียงพอและติดกับพื้นที่จัดแสดง อาจดูวุ่นวายและไม่สงบ อีกทั้งคนภายนอกสามารถเข้าถึงส่วนของ private ได้ไม่อยาก (แต่จุดประสงค์จริงๆคือ จะจัดให้พื้นที่ของส่วนทำงาน และส่วนของจัดแสดงสามารถใช้งานได้ร่วมกัน โดยมีฉากแบ่งกั้น ถ้าจะใช้ก็พับเก็บ ไม่ใช้ก็กั้นไว้เพื่อความส่วนตัว เพราะศิลปินจะได้สามารถมองภาพผลงานของตัวเองได้ในบริเวณที่กว้าง) แต่กลายเป็นเหมือนไม่ล็อค space จนเหมือนกับ free space มากไป จนเหมือนไม่มีการจัดระเบียบอะไรแน่ชัด
ครัวของป้าทับทิมที่ไว้พูดคุยกับคนที่แวะมาก็เช่นกัน เพราะการสร้างครัวปิดโดยมีแค่หน้าต่างเหมาะกับร้านค้ามากกว่า แขกที่สนิทในระดับหนึ่ง เพราะเวลาที่ป้าทับทิมอยู่ในครัวทำอาหารทำขนม ถ้าจะตะโกนออกมาคุยกับแขกภายนอกคงลำบากไม่น้อย
ประเมินตนเอง
เป็นงานที่เครียดกับ "ห้องน้ำ" มากๆถึงมากที่สุด ทั้งๆที่ยืมหนังสือจากห้องสมุดมาแล้ว ถามคนเยอะแยะมากมาย แต่ก็มีปัญหากับมันตั้งแต่ช่วงแรกถึงช่วงสุดท้าย (ขอเปลี่ยนชื่อบ้านหลังนี้เป็นอาถรรพ์ห้องน้ำ) รู้สึกเครียดเล็กน้อยเพราะพยายามแก้ไขแล้ว แต่ก็ยังพลาดในจุดอีกจุดแทน คือแก้ไขแล้วลืมในจุดสำคัญตรงนี้ตรงนั้นไป แก้ไขได้ไม่เคลียร์ปัญหาหมด
งานนี้เป็นงานสุดท้ายทั้งที่ตั้งใจจะทำงานเยอะๆให้มากกว่างานอื่น แต่ก็ทำไม่ค่อยทันอีกแล้ว รู้สึกว่าตัวเองยังคงทำงานช้าเหมือนเดิม ทั้งที่เริ่มเร็วแต่การทำงานช้ามาก เพราะมัวแต่แก้ไข ไม่ค่อยมั่นใจเลยทำอะไรช้าไปหมด แย่จริงๆ คอนเซ็ปต์ของงานนี้ทั้งที่ได้มาแต่ก็ดูงงๆ อธิบายรายละเอียดไม่ได้ดีอีกแล้ว ตอนพรีเซนต์จบคือจบ เกรดจะใกล้หมาหรือเฉียดแมวหรืออย่างไรก็ปล่อยมันไปเถิด น้ำตาจะไหล เอาเป็นว่าเต็มที่แล้วแต่ก็พลาดในจุดที่ตัวเองไม่น่าพลาด มันน่าเสียดายแล้วก็หงุดหงิดตัวเองแปลกๆจริงๆ